RSS

หน้าเว็บ

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โบรชัว



คลิกที่ภาพเพื่อขยาย

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

ลำดับพิธีการบนเวที...เพื่องานแต่งที่สมบูรณ์แบบ




แต่งงาน


ลำดับพิธีการบนเวที...เพื่องานแต่งที่สมบูรณ์แบบ (I do)

Perfect Planing เรื่อง : Supatha

            พิธีการ บนเวทีในงานแต่งงาน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของการประกาศการเป็นครอบครัวใหม่ เป็นช่วงเวลาของการกล่าวอวยพรที่สร้างความซาบซึ้ง ประทับใจ และสร้างความน่าจดจำให้กับคู่บ่าวสาว คุณพ่อคุณแม่ และแขกที่มาร่วมงานทุกคน

            ลำดับขั้นตอนบนเวที โดยมากจะใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที ยกเว้นจะมีกิจกรรมอื่นเพิ่มขึ้น เช่น การแสดง การแจกรางวัล การำอวยพร เป็นต้น โดยในการ์ดเชิญจะระบุเวลาเริ่มงานประมาณ 18.30 น. เมื่อแขกเริ่มทยอยมาประมาณ 70% ของที่เชิญ หรือเมื่อถึงเวลาประมาณ 19.30 น. พิธีการบนเวทีก็จะเริ่มต้นขึ้น แต่หากแขกยังมากันน้อยสามารถเลื่อนเวลาออกไปได้ไม่เกิน 19.45 น. โดยมีลำดับขั้นตอนดังนี้

            19.15 น.เตรียมความพร้อมขั้นสุดท้าย ในงานเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์ หรือค็อกเทลแขกสามารถเริ่มทานอาหารที่จัดเตรียมไว้ได้ทันทีที่มาถึง แต่ถ้าเป็นงานเลี้ยงแบบโต๊ะจีน อาหารจะเริ่มเสิร์ฟจานแรกเมื่อเวลา 19.00 น. และพิธีกรจะเริ่มแนะนำตัวหลังเสิร์ฟอาหารจานที่ 3 แล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงแบบใด พิธีการบนเวทีจะเริ่มต้นในเวลาประมาณ 19.30 น.

            ก่อนที่ช่วงเวลาพิธีการจะเริ่มต้น ต้องตรวจสอบว่าประธาน และทุกคนที่จะขึ้นเวทีมาพร้อมกันแล้วทั้งหมด ก่อนเริ่มพิธีการ 15 นาที ถ้าประธานหรือผู้ใหญ่ที่ต้องขึ้นเวทียังไม่มา ให้เรียนเชิญท่านที่เรามองสำรองเตรียมไว้ได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะกระชั้นชิดเกินไป เพราะท่านยังมีเวลาเตรียมตัวอีกประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาขึ้นกล่าว จริง หรืออาจตัดรายชื่อออกไปจากรายนามที่เชิญขึ้นเวที และที่สำคัญอย่าลืมแจ้งพิธีกรให้เปลี่ยนสคริปต์พูดบนเวทีด้วย

            จากนั้นตรวจครั้งสุดท้ายกับพิธีกรในการประกาศชื่อประธานในพิธี ผู้ที่จะคล้องพวงมาลัย และผู้ใหญ่ที่จะขึ้นกล่าวอวยพรทุกคน รวมทั้งดูว่าจำนวนพวงมาลัยมีพอดีกับจำนวนผู้ที่จะคล้องหรือเปล่า เพราะถ้าไม่มีการแจ้งล่วงหน้าทางโรงแรมจะจัดเตรียมไว้ให้ 2 พวงเท่านั้น ในการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของสถานที่จัดงาน มีทั้งเรื่องของการเปิดไฟ ปิดไฟ หรี่ไฟ เปิดเพลง ต้องรู้ว่าจะประสานงานกับใคร และเจ้าหน้าที่จะเตรียมพร้อมอยู่ที่จุดไหน เพื่อจะได้ตามตัวได้โดยไม่ฉุกละหุก รวมทั้งการเตรียมเครื่องดื่มสำหรับดื่มอวยพรบนเวที

            ก่อนเริ่มพิธีการ 10 นาที ให้แจ้งผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ทราบว่าพิธีการกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ให้ทุกคนเตรียมพร้อมทั้งคู่บ่าวสาว ประธานผู้ใหญ่ที่จะขึ้นกล่าวอวยพรให้โอวาท คุณพ่อคุณแม่ของเจ้าบ่าว-เจ้าสาว เจ้าหน้าที่ควบคุมแสง-เสียง นักดนตรี และพิธีกร

19.30 น. พิธีกรกล่าวต้อนรับแขก

            เมื่อช่วงเวลาพิธีการเริ่มต้น... เสียงดนตรีในงานจะค่อย ๆ เบาลงพร้อมกับหรี่ไฟในห้องจัดเลี้ยงลงประมาณ 60% และเพิ่มไฟบนเวทีให้สว่างขึ้น เพื่อดึงความสนใจให้มุ่งตรงไปเวทีให้มากที่สุด

            จากนั้นพิธีกรขึ้นสู่เวที กล่าวสวัสดีต้อนรับแขกทุกท่านในนามของเจ้าภาพ พร้อมเชิญชมการแสดงพิเศษ หรือชมการฉายพรีเซ็นต์เทชั่นบอกเล่าเรื่องราวความรักของคู่บ่าว-สาว เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟหรี่ไฟลงทั้งบริเวณห้องจัดเลี้ยงและบนเวที จากนั้นเริ่มฉายพรีเซ้นต์เทชั่น ซึ่งความยาวไม่ควรเกิน 8 นาที เพื่อที่แขกในงานจะได้ให้ความสนใจชมตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งหากนานกว่านี้แขกอาจเบื่อเสียก่อน

พิธีแต่งงาน

19.45 น. พิธีกรกล่าวเชิญคู่บ่าวสาวขึ้นเวที

            ช่วงนี้ถือเป็นไฮไลท์ที่เด่นที่สุดของงาน นั่นก็คือการเปิดตัวพระเอก และนางเอกของงานในค่ำคืนนี้ ซึ่งก็คือคู่บ่าว-สาวนั่นเอง การเปิดตัวนี้ จะทำต่อเนื่องทันทีที่การฉายพรีเซ็นต์เทชั่นจบ ฝ่ายเสียงอาจจะเปิดเพลงคลอเบา ๆ ระหว่างที่บ่าวสาวกำลังเดินขึ้นเวที

            ไฟในห้องยังคงหรี่อยู่ แต่เปิดไฟบนเวทีสว่างขึ้น พิธีกรกล่าวเชิญแขกทุกท่านพบกับคู่บ่าว-สาว ทั้งคู่คล้องแขนหรือจูงมือกัน เดินเข้าสู่งานช้า ๆ โดยมีไฟ Follow มาที่คู่บ่าว-สาว พร้อมเพลงบรรเลงคลอตลอดทางจนขึ้นสู่เวที ตรงนี้เราอาจจะเติมลูกเล่น เล็ก ๆ โดยจัดให้มีเด็ก ๆ แต่งตัวสวยงามเป็น Flower Girls เดินถือตะกร้าดอกไม้นำหน้าคู่บ่าว-สาว และโปรยดอกไม้นำตลอดทางจะดูน่ารักยิ่งขึ้น

            ด้านพิธีกรเชิญแขกทุกท่านปรบมือต้อนรับบ่าวสาว และเจ้าหน้าที่ควบคุมไฟเปิดไฟสว่างตามปกติ พิธีกรแนะนำชื่อจริง ชื่อเล่น หรือข้อมูลน่ารู้เบื้องต้นสั้น ๆ ของทั้งคู่ และถ้าคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าสาว-เจ้าบ่าวจะขึ้นบนเวทีด้วย ให้ประกาศชื่อเชิญตอนนี้ได้เลย

พิธีแต่งงาน

20.00 น. พิธีกรกล่าวเชิญประธานขึ้นคล้องพวงมาลัยและกล่าวอวยพร

            ตอนนี้คู่บ่าวสาวได้ยินอยู่บนเวทีเรียบร้อยแล้ว คนอื่น ๆ ที่อยู่บนเวทีให้ยืนเยื้องมาแถวหลังของคู่บ่าวสาว จากนั้นพิธีกรอาจจะกล่าวเชิญประธานในพิธีที่มีเพียงท่านเดียว หรือมี 2 ท่านคือ ประธานฝ่ายเจ้าสาว 1 ท่าน และฝ่ายเจ้าบ่าวอีก 1 ท่าน โดยพิธีกรจะกล่าวเชิญทีละท่านตามลำดับ ประธานเดินขึ้นเวที โดยมีผู้ถือพานเชิญพวงมาลัย เดินตามหลังขึ้นมาด้วย ประธานคล้องพวงมาลัยให้เจ้าสาว ตามด้วยเจ้าบ่าวแล้วกล่าวอวยพร เจ้าหน้าที่ถือเครื่องดื่มสำหรับดื่มอวยพรมาส่งให้เพื่อเชิญทุกท่านร่วมดื่ม อวยพร ผู้ควบคุมเสียง หรือนักดนตรีบรรเลงเพลง แล้วทุกท่านดื่มอวยพร

           เมื่อพิธีกรกล่าวเชิญผู้ใหญ่ที่จะกล่าวและดื่มอวยพรขึ้นบนเวทีทีละท่านจนครบ ทุกท่าน คุณพ่อคุณแม่ของเจ้าสาว และเจ้าบ่าวจะกล่าวอวยพรเป็นลำดับสุดท้าย จากนั้นพิธีกรเรียนเชิญประธานและคุณพ่อคุณแม่ของฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวลง จากเวที เพื่อดำเนินพิธีในขั้นตอนต่อไป

พิธีแต่งงาน

20.15 น. พิธีกรสัมภาษณ์คู่บ่าวสาวและกล่าวขอบคุณ

            มาถึงตรงนี้ก็ถึงบทที่คู่บ่าวสาวต้องแสดงบ้างแล้ว ในลำดับพิธีนี้บ่าวสาวควรจะต้องนัดแนะกับพิธีกรก่อน อย่าปล่อยเรื่องสคริปต์ให้เป็นหน้าที่ของพิธีกร หากไม่อยากถูกเซอร์ไพรส์กลางงานแต่งงานของตัวเอง ทางที่ดีควรจะขอความร่วมมือจากพิธีกรว่าอย่ามีคำถามเซอร์ไพรส์ หรือเกมส์แปลก ๆ ที่ไม่ได้นัดแนะกันไว้ คู่บ่าวสาวควรทำสคริปต์และทำความเข้าใจให้ตรงกันกับพิธีกรก่อน ในช่วงนี้ถ้าจะให้ดีตอนสัมภาษณ์นี้ทั้งพิธีกรและเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ควรมีไมค์โครโฟนครบทุกคน พิธีกรเริ่มถามคำถาม

           ซึ่งการให้สัมภาษณ์ของคู่บ่าวสาวบนเวที เป็นอีกวิธีจะได้แสดงความรักที่มีต่อกัน ให้คนอื่นได้รับรู้ เช่น รู้จักกันได้อย่างไร ประทับใจอะไรในกันและกัน ขอแต่งงานกันอย่าง และคำถามสำคัญคือทั้งคู่มีอะไรที่ต้องการจะบอกกันในค่ำคืนสำคัญคืนนี้บ้าง สำหรับคำถามข้อนี้ถ้าตอบดี ๆ ต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดน้ำตาคลอเบ้ากันอย่างแน่นอน กรณีที่เจ้าบ่าว-เจ้าสาวมีอะไรเซอร์ไพรส์มอบให้แก่กัน พิธีกรก็จะใช้เวลาหลังกล่าวจบนี่แหละแสดงต่อกัน จากนั้นพิธีกรจะเชิญให้คู่บ่าว-สาว กล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน

พิธีแต่งงาน

20.30 น. จุดเทียนและตัดเค้ก

            พิธีการขั้นตอนสุดท้าย จะเป็นการจุดเทียนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มชีวิตคู่ที่สดใส เจริญรุ่งเรือง จากนั้นก็จะเป็นการตัดเค้ก พิธีกรจะเชิญคู่บ่าว-สาวร่วมกันจุดเทียนมงคล และตัดเค้ก คู่บ่าว-สาวเดินคู่กันไปที่ซุ้มเค้ก ผู้ควบคุมเสียง หรือนักดนตรีบรรเลงเพลงคลอ คู่บ่าว-สาวจุดเทียน และตัดเค้ก แล้วนำไปเพื่อมอบให้แก่ท่านประธานในพิธี คุณพ่อคุณแม่ของทั้งคู่ และผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ส่วนแขกอื่น ๆ ทางเจ้าหน้าที่จัดเลี้ยง จะช่วยจัดการนำไปเสิร์ฟให้เอง

20.45 น. กิจกรรมพิเศษ

            ในกรณีที่มีกิจกรรมพิเศษอื่น ๆ เช่น มีเกมส์มอบรางวัลของที่ระลึก หรือมีแขกท่านใดต้องการร้องเพลงให้คู่บ่าว-สาว พิธีกรก็จะดำเนินรายการในช่วงนี้ และแขกท่านอื่น ๆ ก็จะเริ่มทยอยกันกลับ เป็นอันจบพิธีการช่วงงานเลี้ยง

            เพียงเท่านี้งานวิวาห์สุดหรูที่คุณอุตสาห์เฝ้าตระเตรียมมาเป็นเวลาแรมเดือน ก็ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ

เทรนด์ใหม่ของชีวิตคู่ แห่งศตวรรษที่ 21

ความรัก

ชีวิตคู่กึ่งอิสระ (Teen, Kids & Family)

โดย : น่านระวี

         วิถี ชีวิตแต่งงานที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ไม่ได้เป็นหลักประกันความมั่นคงในความรัก และยึดมั่นต่อพันธะสัญญาอีกต่อไป หลายคู่ได้ค้นพบเส้นทางการร่วมชีวิตแบบใหม่ ที่สามารถผสมผสานรักแท้กับเสรีภาพส่วนบุคคลไว้ด้วยกัน จนกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่มาแรงแซงโค้งชีวิตคู่แบบดั้งเดิม...

นี่คือ "ชีวิตคู่กึ่งอิสระ" (Semi-Detached Couple)

         "ฉันทำงานเป็นที่ปรึกษาการจัดการบริหาร ทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพฤหัสฯ หลังจากเลิกงานฉันจะกลับบ้าน ทำอาหารเย็นให้ตัวเอง จากนั้นก็จะพักผ่อนบนโซฟาตัวโปรด จิบไวน์ ฟังเพลงที่ชอบหรือดูหนังเรื่องโปรดคนเดียว ไม่ต้องพูดกับใครเลย..."

         "เมื่อถึงวันศุกร์จะเป็นวันที่ฉันจะพบกับคู่รัก เขาเป็นครู และทำงานหลังจากเลิกงานประจำที่บาร์หรือภัตตาคาร หลังจากนั้นเราจะไปที่บ้านของเขาหรือของฉันก็ได้ เพราะบ้านของเราอยู่ห่างกันแค่ขับรถ 15 นาที เราจะใช้ชีวิตร่วมกันตลอดวันหยุดสุดสัปดาห์ ใช้เวลาร่วมกันเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ เจอเพื่อน ๆ ออกไปดูหนัง และมีเซ็กซ์ด้วยกัน และเมื่อถึงวันจันทร์เราก็แยกย้ายไปทำงาน เลิกงานต่างคนต่างกลับบ้านของตัวเองเราโทรศัพท์คุยกัน อีเมล์ถึงกันทุกวัน โดยไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันทุกวัน จนกว่าจะถึงวันศุกร์..."

นี่คือแนวทางการใช้ชีวิตคู่กึ่งอิสระของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง

         "งานของฉันต้องการเวลาและการทุ่มเทอย่างมาก คู่ของฉันก็เช่นเดียวกัน ฉันรักเขามากเพราะเขาเข้าใจว่าฉันต้องการเวลาสำหรับทำงาน เวลาสำหรับตัวเองตามลำพังเพื่อครุ่นคิดเรื่องต่าง ๆ และเขาก็ต้องการเวลาเช่นเดียวกับฉัน..."

         ก่อนหน้าที่หนุ่มรักงานคนนี้ จะได้พบกับคู่รักคนปัจจุบัน เขาเคยมีคนรักมาก่อน แต่ความรักครั้งนั้นจบลงด้วยต่างคนต่างกล่าวหากันและกัน ว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่รักษาคำมั่นสัญญา และเห็นแก่ตัว

         "ผู้หญิงจำนวนมากอาจจะคิดว่าถ้าผู้ชายไม่อยู่กับพวกเธอตลอดเวลา ไม่ร่วมแบ่งปันรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของกันและกัน จะต้องมีอะไรที่ผิดปกติ..."

         "เธอเป็นหญิงสาวคนแรก ที่ไม่เพียงแต่เคารพความต้องการเวลาส่วนตัวของผมเท่านั้น แต่เธอยังเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งทีเดียว ผลของมันน่ะหรือครับ ผมยิ่งรู้สึกว่ามีพันธะสัญญากับเธอมากกว่าที่เคยรู้สึกกับผู้หญิงที่ผ่าน เข้ามาในชีวิตทุกคน..."

         ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวคู่นี้ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ล่าสุดของการมีความรักใช้ชีวิตร่วมกัน "กึ่งอิสระ" ที่คนรักกันสองคนมีทุกสิ่งทุกอย่างที่คู่สามีภรรยาต้องการ ความรัก เซ็กส์ มิตรภาพและพันธะสัญญา โดยทั้งคู่ไมจำเป็นหรือต้องการเวลาอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน

         รูปแบบของการมีชีวิตคู่กึ่งอิสระมิได้กำหนดตายตัว เพราะครั้งหนึ่งวูดดี้ อัลเลน กับมีอาร์ ฟาร์โร ยังมีอดีตอันหวานชื่น ทั้งสองคนแยกบ้านกันอยู่คนละฝั่งเซ็นทรัลพาร์ค หรือกรณีที่เดวิค เบ็คเคมและภรรยาแยกกันอยู่ในสเปน ในลอนดอน หรือนิวยอร์ค บรรดาหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ทุกฉบับ ตีปีกประโคมข่าวอย่างเมามันทำนองว่า การแยกกันอยู่คนละแห่งเป็นสัญญานอันตรายของปัญหาชีวิตคู่ ทั้ง ๆ ที่มันคือ "ทิศทางแห่งอนาคตของการแต่งงานในศตวรรษที่ 21"

         ค่านิยมการใช้ชีวิตคู่เยี่ยงสามีภรรยาแบบดั้งเดิม ชี้นำให้ทั้งคู่ควรมีพันธะสัญญาต่อกันชนิด เต็มรูปแบบเต็มเวลา จึงจะถือว่าประสบความสำเร็จตามมาตรฐาน"ระดับเหรียญทอง" ในขณะเดียวกันอีกหลายคู่ในหลาย ๆ กรณีก็ดำเนินชีวิตคู่กึ่งอิสระได้อย่างวิเศษเหนือคำว่า "ชีวิตแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ"

         "ชีวิตคู่กึ่งอิสระ" ดูจะเป็นทางออกที่ตอบสนองสภาพสังคมและเศรษฐกิจ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เสรีภาพ อิสรภาพ ที่เจริญงอกงามพร้อมกับความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ ของผู้หญิงทำงานรุ่นใหม่ ๆ

         "ในปัจจุบันผู้หญิงจำนวนมาก ไม่ได้ฝากชีวิตและอนาคตทางการเงินไว้ในอุ้งมือผู้ชาย รวมทั้งสถานภาพทางสังคมของพวกเธอด้วย...สาวทำงานเก่งเหล่านี้มองเห็นสาระ ประโยชน์ของการมีชีวิตคู่กึ่งอิสระ"

         แนวโน้มชีวิตคู่เทรนด์ใหม่นี้ ยังส่งผลต่อเนื่องไปถึงชั่วโมงการทำงานมากขึ้น ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการทำงานในอังกฤษ อัตราการเกิดของประชากรต่ำลง อายุการเป็นแม่ของลูกคนแรกสูงขึ้น อัตราการหย่าร้างสูงขึ้นและการแต่งงานลดน้อยลง ในความเป็นจริงก็คือความสัมพันธ์ของคนเรามีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเราก็มองหาวิธีการใหม่ ๆ ที่เหมาะสมเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ที่คนเรามีต่อกัน

         "ในยุคของคนรุ่นเรา การมีชีวิตคู่แบบผัวเดียวเมียเดียวมีลักษณะต่อเนื่อง สู่การแต่งงานครั้งที่ 2 และปรากฏการณ์เป็น พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว สัมภาระที่พะรุงพะรังในชีวิตคู่ผัวเมียต้องแบกรับ ไม่ว่าจะป็นลูกติดมา หรือทรัพย์สินเงินทองจากการมีสัมพันธ์ครั้งก่อน ๆ น่าจะเป็นสภาพแวดล้อมที่ทำให้เกิดชีวิตคู่กึ่งอิสระ..."

         ความสัมพันธ์ของชีวิตคู่กึ่งอิสระก็คือ การตรวจสอบความหมายของการอยู่ด้วยกันที่มากกว่าความใกล้ชิด หรือจำนวนเวลาที่คนเราให้กับใครอีกคนหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ให้คำจำกัดความว่า "เป็นความสัมพันธ์แข็งแรงอย่างแท้จริง" ที่คนสองคนยังคงความเป็นปัจเจกของเราไว้ด้วยกัน แจกแจงให้ชัดเจนก็คือ ทั้งคู่สามารถได้รักและได้รับความรักจากกันและกัน โดยไม่จำเป็นต้องพบหน้าอีกฝ่ายหนึ่งตลอดเวลา

         บางทีการมี "ชีวิตคู่กึ่งอิสระ" น่าจะเป็นหนทางที่สมบูรณ์แบบในการค่อย ๆ เปิดรับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างช้า ๆ เพื่อรักษาคนคนหนึ่งให้ทุเลาเบาบาง เมื่อพบว่าสุดปลายแขนที่ยื่นออกไปเพื่อไขว่คว้านั้น ยังมีใครคนหนึ่งที่คุณสามารถไว้วางใจได้ แต่ความสัมพันธ์แบบคู่กึ่งอิสระนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคน มันอาจจะเป็นการอยู่ร่วมกันที่แสนวิเศษ เมื่อพันธะสัญญาของแต่ละฝ่ายไปด้วยกันได้ แต่ทันทีที่ใครคนหนึ่งมีความต้องการมากกว่าอีกคนหนึ่ง เมื่อพวกเขาต้องการมีความสัมพันธ์ถาวรขึ้นมา มากกว่าจะรื่นรมย์กับความสัมพันธ์กึ่งอิสระ ประเด็นสำคัญของความสัมพันธ์กึ่งอิสระก็คือ คุณจะต้องติดต่อสัมพันธ์กับสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ ซึ่งมันมีความสำคัญต่อคนสองคนต่างกัน รายละเอียดพวกนี้สามารถขัดขวางความสัมพันธ์คู่แบบอิสระอย่างง่ายดาย

         ถ้า "ชีวิตคู่กึ่งอิสระ" สอนให้เรารู้ว่าความสัมพันธ์ที่ดีมีคุณภาพ จะต้องมีเสรีภาพรวมอยู่ด้วย มันก็ควรจะสอนให้เรารู้ว่าการมีอิสระเสรีภาพนั้น หมายถึงความมั่นคงทางจิตใจด้วย และเมื่อทั้งคู่ต้องการความสัมพันธ์ชนิดเต็มรูปแบบหรือกึ่งอิสระ ความรู้สึกมีสิทธิและอิสรภาพก็ติดตามเขาไปด้วย พวกเขายังคงมีชีวิตเป็นของตนเอง มีความสนใจและมีเพื่อน ๆ ของตัวเอง พวกเขาอาจจะหลงรักกันและกันอย่างบ้าคลั่ง และจะมีชีวิตร่วมกันจนชั่วฟ้าดินสลาย แต่พวกเขาจะต้องสงวนความสัมพันธ์กึ่งอิสระนี้ไว้ที่มุมเล็ก ๆ ส่วนตัวด้วย